กล้าคิดใหญ่

ความยิ่งใหญ่…ของชีวิตคนเรา
มาจากความคิดใหญ่
กล้าคิดใหญ่
คิดใหญ่คิดแบบไหน

ผมปลูกฝังตัวเองตั้งแต่เล็กๆหรือ ตั้งแต่ ป.1
คือมีความฝันอยู่ในหัวใจ
จากการเห็นความเจริญรุ่งเรืองของสังคมเมือง
ในจอทีวี หรือรูปถ่ายท่านผู้นำ

อยากเป็นท่านผู้นำ
อยากเป็นดารา
เห็นรูปท่านผู้นำใสสูทรติดอยู่ข้างฝา
ทำไมท่านถึงยิ่งใหญ่ คำถามในใจตัวเอง

พ่อครูคำพัน ที่สอนผมตั้งแต่อยู่ชั้นประถมและเป็นครูใหญ่
ที่ผมเคารพนับถือเสมือนพ่อ

“สีทัด (ตอนนั้นชื่อ ท้าวสีทัด)

1.ต้องมีการศึกษา
การลงทุนกับการศึกษาเล่าเรียน บ่มีใผขาดทึน (ทุน)

2.คนมีการศึกษาย่อมมีวิชา และมีหนทางที่จะ
ก้าวตามความฝันของตัวเอง

3.ท่านผู้นำของเรา ท่านเป็นนักสู้
บางครั้งคนที่สู้…แบบหมาจนตรอก
ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อ 1

ทำให้ผมคิดตรึกตรองและจำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้

และผมก็เรียนรู้กับสองอย่างคือ
1.ความคิด…ความฝัน…ของตัวเอง
2.การลงมือทำ
3.เวลา
4.ผลลัพธ์ของข้อ 1

ผมไม่เคยสงสัยว่า ความฝันของผมจะเป็นจริงหรือไม่
คือ ไม่สงสัยเพราะ เชื่อมั่นไงครับว่า
อย่างน้อยมันต้องใกล้ความจริงละหวะ

ผมลงมือทำ …ด้วยหัวใจและชีวิตที่อุทิศให้ความฝัน
โดยที่ผมบอกตัวเองว่า
“ผมจะทำตามความฝันให้ดีที่สุด หากแม้ทำดีแล้ว
ไม่เป็นจริงดังฝัน ก็ขอให้ภาคภูมิใจ
ประหนึ่งนักรบที่นายในสนามรบ” ผมบอกตัวเอง

แล้วผมก็รอเวลา บางครั้งก็ท้อว่า มันไม่เป็นอย่างที่เราฝันเลย
หรือเป็นเพราะเราใจร้อน แล้วก็บอกใจของตัวเอง
ให้ใจเย็นๆ ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน ท่องไว้ในใจ

จนมาถึงวาระ คือวันที่ผมได้เงินเดือนหมื่นห้าในชีวิตลูกจ้าง (เงินเดือนผมเริ่มที่ หกพันบาท)
คือ ปี 2552 หลายอย่างผลงานเริ่มเด่นชัด
ความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองฝันนั้น มันไม่ได้เกินจริง
จากความคิดใหญ่ ฝันใหญ่เลย
มันยิ่งใกล้ถึงฝั่งเข้ามาเรื่อยๆ

เห็นไหมครับว่า คนเราแค่กล้าคิดใหญ่
มีความฝันของตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง
และพร้อมที่จะตายในสนามรบหากไม่ได้เป็นวีรบุรุษ
ผมเชื่อว่า เราจะมีรูปผูกเนคไท ติดไว้ข้างฝาแน่นอนครับ

Facebook Comments Box