จากเด็ก “ที่ด้อยโอกาสและยากจน” สู่เจ้าของธุรกิจ สังฆภัณฑ์ ออนไลน์เงินล้าน

จากเด็ก “ที่ด้อยโอกาสและยากจน” สู่เจ้าของธุรกิจ สังฆภัณฑ์ ออนไลน์เงินล้าน

ผมได้มีโอกาสรู้จักคุณทัศน์ ในงานสัมมนาหนึ่ง ตอนนั้นผมเป็นวิทยากร คุณทัศน์เป็นผู้เข้าอบรม คุณทัศน์เป็นคนเงียบ ๆ แต่เก็บรายละเอียดทุกเม็ดของสัมมนา หลังจากนั้นผมก็เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว ธุรกิจของคุณทัศน์ และนี่คือเรื่องราวที่คุณทัศน์ได้มาบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของธุรกิจ “สังฆภัณฑ์” เงินล้าน ที่ผมบอกได้เลยครับว่า ต่อให้เราจนสักเพียงไหน ต่อให้เราขาดโอกาสสักเพียงไหน หากเรา “ไม่ยอมแพ้” ทุกสิ่งอย่างก็จะเป็นของเราด้วย การลงมือทำ อย่างพยายาม

คุณทัศน์ แนะนำตัวกับเพื่อน ๆ หน่อยครับ

ผมชื่อ สุทัศน์  ศรีพรม ชื่อเล่นทัต  ครับ  อาชีพปัจจุบันเจ้าของร้านบูชาสังฆภัณฑ์ออนไลน์

จำหน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์  และของใช้ทำบุญทุกชนิด เช่น พระพุทธรูป, ระฆัง ฆ้อง กลอง, เครื่องบวชเครื่องกฐิน เป็นต้น

ทราบว่าเป็นคน ด้อยโอกาสและยากจนเป็นมาอย่างไรมาเป็นเจ้าของกิจการครับ

ผมอาศัยวัดบวชเรียนเขียนอ่าน เรียนจบก็ลาสิกขา  ออกมาแรก ๆ ก็ยังอาศัยวัดอยู่  และทำงานเดินขายซิมโทรศัพท์  DTAC  รับผิดชอบเขตฝั่งธน  และแถวสะพานควาย  ทำได้ 3 เดือน  เขาจะบรรจุเป็นพนักงานประจำ แต่ไม่มีบัตรประชาชนก็เลยหมดสิทธิ์ เป็นพนักงาน DTAC  ลาออกมาหางานใหม่ ถูกหลอกให้ทำงานแชร์ลูกโซ่เสียเงินฟรีไป 5,000  บาท ลาออกมาเป็นเซลขายนาฬิกา,กระติกน้ำ,ฯ ตามบ้านเรือนประชาชน ทำอยู่ 3 เดือน  ก็ลาออกอีก

ออกจากงานไม่มีงานทำเอาเงินที่ไหนใช้ครับ 

เถ้าแก่ใหม่2

เวลาตกงาน  สถานที่ที่คิดถึงมากที่สุดก็คือ “วัด” อย่างน้อยก็มีข้าวให้ประทั้งชีวิตไปวัน ๆ
ผมเข้าวัดที่รู้จักมักคุ้นกับครูบาอาจารย์ ท่านก็สอบถามสรทุขร์สุขดิบทราบว่าผมตกงานท่านก็แนะนำให้ไปสมัครงานร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากท่านรู้จักกับ
เจ้าของ  บอกว่ามาจากท่าน  และท่านก็โทร.ไปฝากฝัง หลังจากนั้นผมก็ได้ทำงานในห้างสรรพสินค้าสังฆภัณฑ์  เป็นเวลา  6  ปี  จากเงินเดือน 6,000  บาท ขึ้นมาตามลำดับสูงสุด ได้เงินเดือน  15,000  บาท

รับหน้าที่อะไรบ้างครับ งานทำ

ทำทุกอย่าง  ทำทุกหน้าที่  ตั้งแต่เด็กยกของ ส่งของ ขายของ  เดินแจกโบว์ชัว  ทั่วผืนที่ในย่านเขตฝั่งธน  (ยกเว้นฝ่ายบัญชี  และฝ่ายบุคคล) เป็นพนักงานฝ่าย IT  ออกแบบและจัดทำเว็บไซต์, โบว์ชัวร์  แค็ตตาล็อก,นามบัตร, โฆษก,พิธีกรงานทำบุญต่าง ๆ, หัวหน้าฝ่ายการตลาด, หัวหน้าฝ่ายกิจกรรม และรับจัดงานทำบุญครบวงจร และ ได้ทำงานใกล้ชิดเถ้าแก่  คือเจ้าของ ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อ  พี่ชายก็ว่าได้

จากลูกจ้าง เปลี่ยนมาเป็นเจ้าของกิจการได้อย่างไร

เถ้าแก่ใหม่3

ผมคิดตลอดเวลา  “เป็นลูกจ้างไม่รวย”  มันฝังอยู่ในหัว  เราต้องเป็นเจ้าของกิจการให้ได้

แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็น ขายเครื่องสังฆภัณฑ์  ตอนนั้นคิดว่าจะเปิดรับจัดทำเว็บไซต์,ป้ายโฆษณา
ซึ่งทำไปทำมา เอ…..เราไม่ได้เชี่ยวชาญจริงนี่หวา อีกอย่างกว่าจะได้เงินลูกค้า ยากเย็นสะเหลือเกิน กำไร  ก็น้อย  คู่แข่งก็เยอะ  อ่านในหนังสือก็บอกว่า ทำจากสิ่งที่ถนัดแล้วรวย…. เชื่อเลยครับ
เปลี่ยนความคิดทันที

ความจริงคิดอยากจะลาออก…ประมาณ  ปีกว่า ๆ  แต่ก็ผัดตัวเองมาเรื่อย หรือ  ยังทำใจไม่ได้  ผมรักองค์กร  รักงานนี้เท่ากับชีวิตผมเลย เพราะทำแล้วมีความสุข  ในองค์กรไม่มีใครเชี่ยวชาญงานเท่าเราอีกแล้ว ยกเว้นเจ้าของ  และแล้ววันนั้นก็มาถึง  วันที่ผมตัดสินใจลาออก เจ้านายเรียกไปพบเพื่อสอบถามเรื่องการทำเว็บไซต์ให้แฟนขายสินค้า “เครื่องสังฆภัณฑ์”  ท่านแจ้งว่ามีคนมารายงาน จะให้ทำอย่างไร  นายมีทางเลือก 2 ทาง  1.หยุดการกระทำนั้นทุกอย่าง แล้วปรับปรุงตัวใหม่เริ่มใหม่ไม่ยุ่งเรื่องเว็บไซต์นั้นอีก  2.ลาออก
ให้เวลานายภายในวันนี้ตัดสินใจ  ผมขอเลื่อนการตัดสินใจเป็นพรุ่งนี้เช้าได้ไหม นายบอกว่าไม่ได้ เป็นสถานการณ์ที่บีบหัวใจและชีวิตมาก

“ผมขอลาออกครับ”เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และความสบายใจของทุกคน

 

จากนั้นเจ้านายก็ร่ายยาว…….”คุณต่างจากคนในครอบครัวผมแค่ ไม่ได้นอนที่บ้านผมและไม่ได้ทานข้าวเย็นด้วยกันทุกมื้อเท่านั้น”

แค่นี้แหละครับ  น้ำตาผมไหลพร่างพรูอย่างกับสายฝน

 

ออกมาเป็นเจ้าของธุรกิจเอง เป็นอย่างไรบ้าง เจอปัญหามากน้อยขนาดไหน

เถ้าแก่ใหม่4

การลาออกแม้จะเจ็บปวด….แต่ผมทำเพื่ออนาคตของตัวเอง  ซึ่งเรามองเห็นโอกาสมองเห็นอนาคตอยู่แล้ว  ถ้ารอพร้อม มีเงินเก็บมีเงินทุน  เรารอพร้อม แต่เวลาไม่เคยรอเราพร้อมไม่พร้อม

ธุรกิจผมเริ่มต้นจากห้องเช่าน้อย ๆ ของอพาร์ทเม้นท์ และก็ทำเว็บไซต์เอง  ขายเอง

ซึ่งเราทำของบริษัทฯ ประสบความสำเร็จมาแล้ว  แล้วทำไมของตัวเองจะทำให้ประสบความสำเร็จไม่ได้ ต่างแค่เราไม่มีสถานที่หน้าร้าน  ไม่มีสินค้าโชว์  ไม่มีเงินทุน ไม่มีบุคลากร  ไม่มีแม้แต่รถยนต์  ผมมีมอเตอร์ไซต์รถคันแรกของชีวิต

สิ่งที่มีมากที่สุดของผม ก็คือ  ประสบการณ์  ความรู้ความสามารถล้วน ๆ  ถ้าเป็นจอมยุทธ  ผมมีเพียงแค่เพลงกระบี่  และพลังภายใน  เงินทุนจริง ๆมีประมาณหมื่นกว่าบาท รวมกันสองคนกับแฟน  แน่นอนครับ ความรัก + ความหวัง + ความฝัน  ทุกอย่างเป็นจริงได้อย่างมหัศจรรย์

สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดก็คือ  เว็บไซต์….ผมทำเว็บไซต์ด้วยชีวิต  และจิตวิณญาณของตัวเอง ของคนที่กลัวอดตาย  เพราะวันพรุ่งนี้….ไม่มีใครจ่ายเงินเดือนให้เรา  เราเท่านั้นที่จะต้องจ่ายให้ตัวเอง

เพราะฉะนั้น  คำว่าท้อ คำว่ายอมแพ้ คำว่าเป็นไปไม่ได้  ถ้ามีก็โง่ที่สุดในโลก เท่ากับฆ่าตัวตายครับ

มีปัญหาบ้างไหม ?

ตอบตามตรงครับ  โคตรเยอะที่สุดในโลก  แต่สิ่งที่ผมท่องอยู่ตลอดทุกลมหายใจคือ  อดทน  ไม่ยอมแพ้  ใช้สติให้มากที่สุด  ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า

ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ  เราขอยอมตายไปข้างหนึ่ง  เราขอพิสูจน์  เราขออุทิศชีวิตทำเพื่อสิ่งนี้ครับ  ตกเย็นก่อนนอนช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ  ผมกับแฟนสวดมนต์ทุกวัน  ตื่นเช้ามาวันพระก็ตักบาตร
ทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และตั้งจิตอธิษฐานให้ธุรกิจของเราดำเนินไปได้และเจริญเติบโต

เป็นความเชื่อของอดีตมหาที่ชื่อ “ สุทัศน์  ศรีพรม”  ครับ  เราเชื่ออย่างนั้น

มีปัญหา…เราก็ต้องแก้เป็นข้อ ๆ เหมือนแก้ปมที่เชือก

ตอนไหนคือวิกฤติที่สุดในการทำธุรกิจ ผ่านมาได้อย่างไร

นึกถึงผมขายของออนไลน์ อยู่บนอพาร์ทเม้นท์ ลูกค้าก็ต้องถามร้านอยู่ที่ไหน
บริการจัดส่งไหม  แน่นอนครับ  ผมก็ต้องแจ้งลูกค้าว่า  เราบริการจัดส่งถึงบ้าน ถึงที่  ไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลครับ  ช่วงแรกไม่มีรถส่งของ แท็กซี่บ้าง,  ยืมรถคนอื่นบ้าง,จ้างรถคนอื่นบ้าง  ทำเรื่องซื้อรถก็ไม่ผ่าน เนื่องจากเขาดูเงินในบัญชีเราไม่เยอะ  ขออ้อนวอนคนค้ำเขาก็ไม่กล้า แฟนผมนั่งร้องไห้มองหน้ากันไปมา  สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือ  กัดฟัน….อดทน….และตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้รถส่งของสักคัน  เพื่อเราจะส่งบุญ….เพื่อเราจะเป็นสะพานบุญให้กับคนต้องการจะทำบุญ  ได้ทำบุญสมความตั้งใจ  และแล้วปาฏิหาก็มีจริงครับ  ได้รถกระบะรถเต้นท์มือ 2 คุณภาพเยี่ยมมาใช้ส่งของ  ทุกอย่างคล่องตัว  ราวกับฟ้าลิขิต  รถกระบะคันเดียวเขาช่วยทำเงินล้านได้อย่างน่าอัศจรรย์  จนตั้งชื่อรถกระบะ  คันนั้นว่า  “มารวย”

สภาพธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง

คำคมๆ สุทัศน์ ศรีพรม

วันที่เป็นลูกจ้างผมทำด้วยใจและชีวิตจิตวิณญาณ  สำนึกในความเป็นเด็กต่างด้าว  และมีเจ้านายให้โอกาส ให้งานทำ  หนึ่งเดียวในประเทศไทย  จึงไม่เคยซีเรียสเรื่องเงินเดือน  ผมเริ่มทำงานปี 49 เงินเดือน  6,000  บาท  เงินเดือนปรับขึ้นเรื่อย ๆ  (เฉพาะผมเท่านั้นที่ได้ปรับบ่อย) จนวันที่ลาออก เงินเดือน  15,000  บาท

ผมกำลังจะบอกว่า  ออกมาทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ “ผมทำและทุ่มเทยิ่งกว่าชีวิต”  ช่องทางการจำหน่ายอื่นไม่มีเลย  ยกเว้นเว็บไซต์ …..www.buchasangkapan.comบูชาสังฆภัณฑ์
ผ่านไป 1 ปี  ลูกค้ามากขึ้น  และเติบโตอย่างน่าอัศจรรย์  ผมก็ยิ่งมองเห็นโอกาส  ผมต้องเติบโต
ผมต้องรีบคว้า  ผมอับเดทเว็บไซต์ตลอดเวลา  จนเว็บไซต์ติดหน้าหนึ่ง อันดับหนึ่งใน  Google  โดยที่ผมไม่ได้ใช้เงินจ้างทำโฆษณาแม้แต่บาทเดียว

ธุรกิจในปัจจุบันแข่งขันกันดุเดือดมาก  โดยเฉพาะในโลกออนไลน์  แต่ผมก็ไม่หวั่นไหว เพราะไม่ใช่ว่า  ทุกคนทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ได้  จะขายได้อย่างเดียว  คนล้มเหลวก็มี

เข้าปีที่ 2 เริ่มขยับขายเรื่องพื้นที่  เนื่องจากขายสินค้ามากขึ้น  ที่พักสินค้ามากขึ้น  แต่เราจะไม่สต๊อกสินค้า  ส่วนมากไม่สต๊อกเลย  ผมคิดว่าถ้าผมสต๊อกก็คงโง่ที่สุด  ปากมีก็บอกลูกค้าเอาสิ  เทคนิคมีมากมายครับ

Keysuccess ในการทำธุรกิจคืออะไร

Anser :ความสำเร็จของผมขั้นที่ 1  ด่านที่ 1 เลย  ลูกค้ามาเจอเราในเว็บไซต์  เพราะเว็บไซต์ผมติดอันดับหนึ่งใน  Google  เกือบทุกหมวดหมู่สินค้า  ไม่ว่าลูกค้าจะค้นหาอะไรเกี่ยวกับของทำบุญ  ลูกค้าเจอบูชาสังฆภัณฑ์เป็นคนแรก  หรือคนที่ 2

เว็บไซต์บูชาไม่สวยเลอเลิศในปฐพี  แต่มีเสน่ห์  มีจิตวิญญาณ  มีมนต์ขลัง  คนเห็นแล้วต้องตาต้องใจ  ต้องใช่  (ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ส่วนมากความน่าจะเป็นเช่นนั้น) และมี ข้อมูลบทความสร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากจะทำบุญ….สำคัญมากเพราะมันคือ  ความแตกต่าง ๆ  รวมทั้งโครงสร้างเว็บไซต์ด้วย

 เริ่มมีพนักงาน มีวิธีการจัดการลูกน้องอย่างไร

เข้าปีที่ 3และ 4 เราเริ่มมีคนมาช่วย จาก 2 – 3 เป็น 4- 5 -7 ชีวิต เอาเฉพาะคนที่สำคัญต่องานจริง  ๆ  เช่น  เจ้าหน้าที่จัดส่ง  เจ้าหน้าที่แพ็คกิ้งสังฆทาน  ผมเริ่มสร้างบุคลากร  ด้วยการส่งหลานไปฝึกงานที่เสาชิงช้า 2 คน  ระยะเวลา 1 ปี  แล้วก็เอากลับมาช่วยงาน  ก็ถือว่าคุ้มสุดคุ้ม

เราอยู่กันแบบครอบครัวพี่น้อง  อยู่กันด้วยความรัก  ความเอื้ออาทร เวลางานต้องทำงานเต็มที่โดยมีผมทำให้ดูเป็นตัวอย่าง มีความเสียสละ  ผลตอบแทนปรับขึ้นให้ตามลำดับตามผลงาน  รวมทั้งโบนัสเล็ก ๆ  น้อย ๆ สิ้นปี

“การให้…คือหน้าที่ของเราที่จะทำให้ทุกคนอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดี เพื่อให้พวกเขาจุนเจอครอบครัวของพวกเขา  เราก็ได้บุญ” 

นี้คือสิ่งที่ผมมีในหัวใจ

แนวทางการทำธุรกิจแบบ “รากหญ้า Marketing”ของคุณคืออะไร ?

สุทัศน์ ศรีพรม

ถ้าจะให้ผมพูดแบบโม้ ๆก็ ผมใช้กลยุทธ์ทางการตลาดน้อยมาก  ใช้แค่  50 %  สมัยผมทำงานในบริษัทเก่า  ใช้เกือบ  100 %  ใช้ทุกช่องทางครับ  คืออย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นครับว่า
ลูกค้าผมมาจากเว็บไซต์อย่างเดียว ดูจากสถิติในเครื่องมือตรวจนับ  ส่วนมากมาจากลูกค้าค้นพบเราใน  Google  แค่นี้จริง ๆ ครับ  ส่วนที่ผมโพสในเฟชส่วนตัวนั้น  ไม่มีลูกค้าแม้แต่รายเดียว  วัตถุประสงค์ที่โพสในเฟชส่วนตัวเพื่อสร้างตัวตน  บอกตัวตนผมเอง  เพราะเพื่อนในเฟชเป็นกลุ่มคนทำงานประจำมากกว่า

ผมแยกกลุ่มเป้าหมาย  ลูกค้าบูชามีแต่ลูกค้าคนชั้นกลางขึ้นไป  พูดง่าย ๆคือคนรวยครับ เพราะฉะนั้นเฟชของร้านก็คือของร้าน ไม่มีตัวตนผมแม้แต่น้อย  ยกเว้นลูกค้าบางท่านเอาชื่อ นามสกุลผมไปเสิร์ชหาใน  Google  แล้วเจอผม(เขากลัวโดนหลอกครับ)

แผนการตลาดในอนาคต

ผมยังคงรักและศรัทธาอย่างรู้บุญคุณในความกรุณาของเทพ  อย่างGoogle  ที่ช่วยนำทางลูกค้ามาเจอเรา  นี้คือสิ่งมหัศจรรย์  เมื่อลูกค้ามาเจอเราแล้ว เราทำให้ลูกค้าประทับใจหรือเปล่า  ตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือเปล่า  ผมยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง….”ลูกค้าคือหัวใจ”
“ประชาชนคือหัวใจ”  ปากพูดได้ต้องทำได้อย่างที่ปากพูด  แค่นี้ก็เทพแล้วครับ

ผมเชื่อในพลังของการบอกต่อ  และจดจำความทรงจำที่ดีที่เคยใช้บริการ

สื่อโฆษณา โทรทัศน์  ทีวีตู้เย็นต่าง ๆ  ถ้าฟรีเอา…เสียตังก์ไม่เอา….มีมากมายที่โทรเข้ามาจีบ  ผมก็จะบอกอย่างนี้(ฟรี…เอา)

ก็ในเมื่อเครื่องมือฟรี  อย่าง facebook,  Line, youtube,  และเทพพระเจ้า  Google ก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อย่าไปยัดเยียดโฆษณาให้ลูกค้ามาก  เช่น  ส่งเมล  ขอโทษโคตรรำคาญเลย

ผมจะพัฒนาระบบเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ให้ทันสมัยมากกว่านี้ คือเป็นเว็บไซต์ขายสินค้าเครื่องสังฆภัณฑ์ ออนไลน์ครบวงจร  สั่งซื้อผ่านหน้าเว็บได้เลย ง่ายสะดวกรวดเร็ว  ตอบสนองคนทำบุญยุคใหม่  อยู่ตรงไหนในโลกนี้ก็ทำบุญได้

ฝากข้อคิดให้กำลังใจเพื่อน ๆ หน่อยครับ

 

ทุกสาขาอาชีพ ล้วนแล้วแต่ต้องมีใจรักก่อน  มีความศรัทธาในสาขาอาชีพของตน อินในสิ่งที่ทำ  แล้วมันจะเป็นความสุข เมื่อเกิดปัญหาเราก็มองว่า  ดีที่มีปัญหาให้เราแก้  แต่ถ้าเราไม่รักในอาชีพเราเลย เกิดปัญหานิดหน่อยเราก็ท้อแล้วครับ

ใครต้องการทำธุรกิจนี้ มีเงินอย่างเดียวก็ทำไม่ได้  ต้องมีศรัทธา  มีความรัก  มีการเป็นผู้ให้  รู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง  มีแนวความคิดทางธุรกิจที่ถูกต้อง ถ้าแนวคิดผิด  ทุกอย่างจะเขว
รู้จักพระพุทธศาสนา  แก่นแท้  แก่นเทียม  เปลือกนอกเปลือกใน และรู้จักพระพุทธ  พระธรรม พระสงฆ์  โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ใช้ของทำบุญเรา  และเครื่องใช้ในวัดวาอารามต่าง ๆครับ

 

ช่องทางติดต่อธุรกิจ

เถ้าแก่ใหม่5

คุณสุทัศน์  ศรีพรม  หรือ  ร้านบูชาสังฆภัณฑ์
37/11 ถ.กาญจนาภิเษก (ซ.สมาคมปักใต้)แขวงศาลาธรรมศพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ  10170
1.โทรศัพท์  08-3179-9099,  02-885-8115
2.Line ID :  buchas
3.E-mail:  buchaskp@hotmail.com

  1. https://www.facebook.com/buchasangkapan

 

เถ้าแก่ใหม่รีวิว : คุณทัศน์ คือแบบอย่างของคนที่ผมต้องเรียกว่า “ติดดิน” ไม่มีอะไรเลย ความรู้ทางด้านการค้าขายก็ไม่มี ทำธุรกิจก็ไม่มี มีแต่ “หัวใจ” ที่พร้อมจะ “แบ่งปัน” และ “ต่อสู้” วันที่คุณทัศน์ลาออกจากงานประจำ นั่นอาจจะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด แต่วันนี้คุณทัศน์ก็ได้พิสูจน์ให้โลกได้เห็นแล้วว่า แค่ 2 มือ 2 เท้า 1 สมองของ เขาก็สามารถทำธุรกิจ พร้อมกับการเป็นพุทธศาสนิกชน ที่ช่วยสืบสานประเพณีวัฒนธรรม แบบอย่างของคนทำธุรกิจแบบ “รากหญ้า” เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว ทำไปทีละนิดแล้วเติบโตอย่างมั่นคง

***ขอขอบพระคุณบทสัมภาษณ์จากเว็บไซต์เถ้าแก่ใหม่
http://www.taokaemai.com

Facebook Comments Box